หลังจากที่ ปล่อยให้ Wi-Fi 5 หรือที่เรียกว่า 802.11ac ปล่อยออกมาสร้างกระแสซักพัก ต่อจากนี้ไป จะเป็นยุดของ Wi-Fi 6 หรือ 802.11ax กันแล้ว
ก่อนจะเข้าเรื่อง มากล่าวถึงที่มาที่ไปกันก่อน ทำไมเมื่อก่อน เราพูดกันแต่ 11a, b, g, n, ac กัน แล้วไอ้เลข 5, 6 มาจากไหน นั้นก็เพราะว่า มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Wireless LAN นี้ มันมี หน่วยงานยักษ์ใหญ่ที่คอยกำกับความสามารถ ฟีเจอร์ มาตรฐานอยู่ หลัก ๆ คือค่าย IEEE ซึ่งทำให้ เราก็เรียกกันว่า 11a, b, g, n, ac อย่างที่ผ่าน ๆ มา แต่จริงๆ แล้ว มันยังมีอีกค่าย คือ Wi-Fi Alliance หรือที่เรามักจะเห็น Logo คำว่า Wi-Fi กันนั่นเอง มาคราวนี้ ค่าย Wi-Fi Alliance (WFA) ได้ออกมาประกาศมาตรฐานก่อนค่าย IEEE เราจึงจะได้ยิน Marketing Word ก็คือคำว่า Wi-Fi 6 นั่นเอง ส่วนใครอยากจะเรียก IEEE802.11ax นั้น รอประมาณปี 2020 ก่อนนะครับ ทาง IEEE ถึงจะประกาศอย่างเป็นทางการ
เอาหล่ะมาเข้าเรื่องตามหัวข้อกันดีกว่า
OFDMA ย่อมาจาก Orthogonal Frequency-Division Multiple Access ...
แค่คำแปลก็ชวนนอนหลับแล้ว
เอาเป็นว่า มันมาช่วยตอบโจทย์ จุดอ่อนของ Wi-Fi 5 หรือ 802.11ac นั่นเอง โดยเจ้า Wi-Fi 5 นี้ จุดแข็งคือ High Speed Wireless Network สามารถส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว มี Throughput การส่งข้อมูลที่สูง
เมื่อต้องการส่งข้อมูลขนาดใหญ่ ๆ ก็จะสามารถส่งได้อย่างรวดเร็ว
แต่........
ปัญหาคือ ในโลกแห่งความจริง การเชื่อมต่อแบบไร้สายนี้ มันเป็นแบบ Single User คือ ใช้งานได้ทีละคน และไอ้เจ้า Traffic ที่เรา ๆ ใช้กันเนี่ย มันเป็นข้อมูลขนาดเล็ก ๆ นั่นเพราะ เพื่อให้การใช้งานของ client ที่มีความเร็วต่ำ ๆ นั้น สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล และไอ้การที่ส่งข้อมูลชิ้นเล็ก ๆ จำนวนมาก ๆ นี้แหละ มันเลยทำให้จุดแข็ง กลายมาเป็นจุดอ่อน
ทำไมหน่ะหรือ นั่นก็เพราะว่า Wi-Fi 5 ได้สร้างตู้สำหรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ (ศัพท์เทคนิค เรียกว่า Resource Unit: RU) แต่ ดันมีเฉพาะข้อมูลขนาดเล็กใส่ลงไป อ้าว แล้วที่ว่าง ๆ ที่เหลืออยู่ละ ทำไง ก็เหลือที่เสียทิ้งยังไงหล่ะ
ลองคิดถึง ถนน ที่มีรถบรรทุกคันใหญ่ ๆ วิ่งเต็มถนนสิ แล้วไอ้รถบรรทุกแต่ละกัน ก็บรรทุกของนิดเดียวอีก
มันจะแออัดกันแค่ไหน
มันเลยมีเทคโนโลยี ที่ชื่อว่า OFDMA เกิดขึ้นมานั่นเอง เพราะคำว่า Multiple Access นี่แหละ มันแปลว่า สามารถใช้งานได้หลายคนพร้อมกัน
จากเดิม ที่บอกว่า มีตู้ขนาดใหญ่ มันก็ทำการปรับปรุงใหม่ ย่อให้ตู้มันเล็กลง และยัดเอาข้อมูลขนาดเล็ก จากหลาย ๆ client เข้าไปในตู้นี้ (สูงสุดคือ 9 client ใน 1 ตู้) นี่แหละเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
และถ้ายังนึกภาพไม่ออก ไม่เป็นไร ดูภาพด้านล่างนี้เพิ่มเติม
แต่ ๆ ๆๆ ๆ ๆ
แล้วบทความก่อน ๆ นี้ ที่เคยกล่าวถึง MU-MIMO หล่ะ ?????
แน่นอนว่า OFDMA กับ MU-MIMO นั้น ถ้าอ่านแบบคร่าว ๆ มันก็จะคล้าย ๆ กัน นั้นคือ การที่สามารถใช้งานได้พร้อม ๆ กัน แต่ OFDMA นั้น มันทำที่ระดับความถี่ (Frequency) แต่ MU-MIMO นั้น ทำงานที่ระดับ Spartial Stream ซึ่ง เป็นคนละแบบกัน แต่ในยุคของ Wi-Fi 6 นั้น ทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้ มันสามารถมาทำงานร่วมกันได้ คือทำทั้ง OFDMA และ MU-MIMO เลย นี่แหละ ทำไม Wi-Fi 6 จึงได้ชื่อว่า High-Efficiency Wireless นี่เอง
No comments:
Post a Comment